บทที่ 15 6.1 กรรมตามสนอง
จางฮูหยินช่วยจางอวิ๋นซีแต่งตัวให้งดงามที่สุด เพื่อร่วมงานฉลองวันพระราชสมภพของหานไทเฮาในค่ำคืนนี้ ชุดพระราชทานที่ไทเฮาทรงพระราชทานมาให้นั้น เนื้อผ้าถูกตัดเย็บอย่างดีจากช่างฝีมือเลื่องชื่อของอินเดีย เป็นผ้าไหมที่เนื้อดีและนิ่มที่สุดที่เคยได้รับพระราชทานมา อีกทั้งปิ่นหยกสลักลวดลายบุปผางดงามวิจิตรยิ่งนัก
ทรงผมของจางอวิ๋นซีถูกรวบครึ่งศีรษะ เรือนผมส่วนบนนั้นถูกรวบขึ้นเป็นมวยสูงประดับด้วยหวีเสียบผมรูปดอกบัวสีชมพู ส่วนเรือนผมส่วนล่างนั้นถูกปล่อยยาวสยายลงมาระกับชุดฮั่นฝูสีชมพูพระราชทาน แค่เพียงเท่านั้นกลับทำให้จางอวิ๋นซีงดงามอย่างยิ่ง งดงามดั่งจะหาสตรีใดเทียบ แม้แต่หรูหรงก็ยังอดชมเจ้านายของตนเองไม่ได้
“คุณหนูงดงามยิ่งนักเจ้าค่ะ ยิ่งสวมชุดพระราชทานจากไทเฮาด้วยแล้ว คุณหนูยิ่งงดงามนัก” หรูหรงกล่าวชมขณะกำลังแต้มชาดให้กับอีกฝ่าย จางฮูหยินคลี่ยิ้มหวานอย่างพึงพอใจ
“ไปร่วมงานคราวนี้ เจ้าต้องทำตนให้เรียบร้อยอย่าได้ทำตนเยี่ยงที่พวกชาวบ้านเขาลือกันล่ะลูก ไม่เช่นนั้นพ่อของเจ้าอาจทำโทษเจ้าได้” จางฮูหยินลูบหัวบุตรสาวด้วยความเอ็นดู จางอวิ๋นซียิ้มรับคำของมารดา หญิงสาวกุมมือของผู้เป็น
มารดาแทนการรับปาก
“ท่านแม่ ท่านก็ทราบดี...นับตั้งแต่ข้าฟื้นจากไข้คราวนั้นข้าก็เปลี่ยนไปราวกับมิใช่คนเดิมที่ท่านรู้จัก แต่ไม่ว่าจะเป็นข้าในอดีตหรือตอนนี้ ข้าก็ยังเป็นลูกของท่านแม่เหมือนเดิม และจะไม่ยอมให้ใครมารังแกท่านแม่อีกแล้ว” จางฮูหยินซาบซึ้งในคำกล่าวของบุตรสาวยิ่งนัก นางรู้ดีว่าบุตรสาวในยามนี้แข็งแกร่งเพียงใด แม่หญิงที่วาจาหาญกล้าต่อปากต่อคำกับพวกฝรั่งแขนลายนั้นก็คือจางอวิ๋นซี หากแต่คราวนั้นโชคดีได้หานอ๋องไท่หยางช่วยเอาไว้ มิเช่นนั้นชื่อเสียงของบุตรสาวนางคงได้ป่นปี้และจางเยี่ยนกับฮูหยินรองอาจหาทางรังแกจางอวิ๋นซีไม่มีที่สิ้นสุด
“แม่รู้จ้ะ แต่แม่ก็เป็นห่วงเจ้ามากกว่า แม่ไม่อยากให้เจ้ามาเดือดร้อนเพราะแม่”จางฮูหยินเอ่ย
จางอวิ๋นซีนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ นางกอดแขนมารดาอย่างออดอ้อน “ท่านแม่เจ้าคะ ถ้าหากเรื่องที่เขาลือกันว่าไทเฮากับฝ่าบาทจะคัดเลือกพระชายาให้ท่านอ๋องแต่ละองค์ หากสตรีคนนั้นเป็นข้าข้าควรทำเช่นไรดี”
หรูหรงกับจางฮูหยินมองหน้ากัน แววตาและสีหน้าของพวกนางแสดงความกังวลอย่างฉายชัด จางฮูหยินถามบุตรสาวเสียงอ่อน
“เจ้าไม่อยากแต่งงานหรือ?”
จางอวิ๋นซีพยักหน้าให้มารดาแทนคำตอบ
จางฮูหยินถอนหายใจออกมาเล็กน้อย นางกล่าว
“หากเป็นสมรสพระราชทาน เจ้าก็ไม่อาจปฏิเสธได้ด้วยอาจมีโทษเป็นกบฏ แต่หากเจ้าไม่อยากแต่งแม่ก็อยากให้เจ้าตัดสินใจให้ดี”
จางอวิ๋นซีคอตก หญิงสาวไม่อยากคาดคิดหากฮ่องเต้หรือไทเฮาหรือแม้แต่ฮองเฮามอบสมรสพระราชทานให้ นางจะทำเช่นไรเพื่อหลีกเลี่ยงการแต่งงาน การที่นางข้ามภพมาในยุคนี้ก็เพื่อสืบหาคนร้ายตัวจริงที่ฆ่าจางอวิ๋นซีคนก่อน ไม่ใช่มาแต่งงานเพื่อการเมืองอะไรแบบนี้
จางฮูหยินลูบใบหน้าของบุตรสาว ใบหน้าของฮูหยินเอกแต้มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานงดงาม
“แต่แม่อยากให้เจ้าลองตัดสินใจอีกที ทว่าตอนนี้สิ่งที่เจ้าควรทำคือรีบไปขึ้นเกี้ยวเข้าวังเถิด อีกไม่กี่เค่องานก็จะเริ่มแล้ว และอย่าลืมเสียล่ะว่ามารยาทที่แม่สอนเมื่ออยู่ต่อเบื้องพระพักตร์เชื้อพระวงศ์นั้นสำคัญอย่างไร” จางฮูหยินกำชับบุตรสาวอีกครั้ง
“เจ้าค่ะท่านแม่” จางอวิ๋นซียิ้มตอบ
พ้นร่างของจางฮูหยินไปแล้ว จางอวิ๋นซีหยิบปิ่นปักผมพระราชทานจากไทเฮาส่งให้หรูหรง นางเตรียมแผนการเอาไว้ในใจที่จะฉีกหน้าจางเซียวหรูเรียบร้อยแล้ว
“หรูหรง เจ้าไปจัดการตามที่ข้าสั่ง...” จางอวิ๋นซีกระซิบแผนการบางอย่างกับหรูหรง ทั้งสองนายบ่าวยิ้มให้แก่กันอย่างรู้ใจ
เกี้ยวของจวนสกุลจางมาถึงบริเวณพระราชวังหลวงแคว้นหานภายในเวลาไม่นาน ไท่ฮูหยินเดินลงจากเกี้ยวมาพร้อมกับจางอวิ๋นซีและจางเซียวหรู ส่วนใต้เท้าจางเยี่ยนนั้นเดินลงมาพร้อมจางฮูหยินซึ่งเป็นฮูหยินเอกและฮูหยิน รองหลี่
“น้องพี่!”หลิวฮองเฮาเดินออกมาต้อนรับจางฮูหยินและสมาชิกในครอบครัวอย่างอบอุ่น
“ถวายพระพรไทเฮา ฮองเฮา” ทั้งหมดถวายพระพรหลิวฮองเฮาและหานไทเฮากันอย่างงดงาม
“ตามสบายเถิดๆ” หานไทเฮายิ้มให้อย่างเป็นกันเอง พระนางทรงทอดพระเนตรจางอวิ๋นซีซึ่งวันนี้แต่งกายงดงามยิ่งนัก ทรงเดินเข้ามาจับมือของอีกฝ่ายด้วยความสนิทสนม จนจางอวิ๋นซีทำตนไม่ถูกนัก
“ถ...ถวายพระพรเพคะฮองเฮา ไทเฮา” จางอวิ๋นซีฉีกยิ้มอ่อนหวานให้กับทั้งสองพระองค์ สายพระเนตรที่ทั้งสองพระองค์มองมายังนางนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความเมตตาอย่างชัดเจน นางรู้สึกได้ถึงพระเมตตาจากทั้งสองพระองค์จริงๆ
“ไทเฮา หม่อมฉันจางอวิ๋นซีขอถวายพระพร ขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
มีพระพลานามัยแข็งแรงเพคะ” จางอวิ๋นซีประสานมือก้มศีรษะถวายพระพรให้กับผู้อาวุโสสูงสุดแห่งราชสำนัก ทั้งหานไทเฮาและหลิวฮองเฮาหัวเราะเบาๆ อย่างชอบใจ
“เอาเถิดๆ จ้ะ สำหรับข้าแล้วเจ้าก็มิใช่คนอื่นคนไกล เป็นลูกเป็นหลานของข้าทั้งนั้น” หานไทเฮาทรงยิ้ม จางอวิ๋นซียืนก้มหน้ายิ้มรับอ่อนๆ
จางเซียวหรูยืนกอดอกอย่างไม่ชอบใจ นางบุ้ยหน้าหันไปทางอื่น แต่ทว่าจางอวิ๋นซีกลับไม่ได้ให้ความสนใจนัก จางเซียวหรูจึงถูกมารดาอย่างหลี่ฮูหยินเอ็ดเบาๆ นางจึงยอมยืนสงบนิ่งเรียบร้อยตามที่ถูกอบรมมา
